เด็กขาดพื้นที่เล่นปลอดภัย ปิดเทอม!! ช่วงเวลาที่มีเด็กตายจากอุบัติเหตุสูงสุดของปี
เมื่อวันที่ 27 มี.ค. รศ นพ อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ผู้อำนวยการสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว ม.มหิดลและ ศูนย์วิจัยเพื่อความปลอดภัยในเด็ก คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี กล่าวว่า
” ปิดเทอมเป็นเวลาว่างเว้นจากการเรียนของเด็กๆ พ่อแม่ไม่ควรกำหนดให้ลูกต้องเรียนพิเศษอย่างเคร่งเครียดเพิ่มเติมมากเกินไปควรสนับสนุนให้เด็กๆได้พักผ่อน ออกกำลังกายเข้าร่วมกิจกรรมที่สนุกสนานที่แฝงด้วยความรู้รอบตัวต่างๆ อย่างไรก็ตามต้องพึงสังวรถึงอันตรายต่างๆที่จะเกิดขึ้นได้ในช่วงสามเดือนอันตรายความสนุกจะได้ไม่กลับกลายเป็นความเศร้าของเพื่อนๆนักเรียนที่ได้ยินข่าวร้ายในวันเปิดเทอม”
1. สามเดือนอันตราย
อุบัติเหตุเป็นเหตุนำการตายในเด็กไทย ในแต่ละปีเด็กไทยอายุ 1-14 ปีจะเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุจำนวนกว่า 2500รายต่อปี หรือ เฉลี่ย 200รายต่อเดือน ในแต่ละปีพบว่าเดือนที่มีเด็กตายจากอุบัติเหตุสูงสุดคือเดือนเมษายน (เฉลี่ย 350รายต่อเดือน) อันดับรองลงไปเป็นเดือนมีนาคมและพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงปิดเทอมใหญ่ของเด็กๆ รวมสามเดือนอันตรายนี้มีการเสียชีวิตของเด็กจากอุบัติเหตุจำนวนกว่า 1000ราย คิดเป็นกว่าร้อยละ 30-35ของการตายตลอดทั้งปี ดังนั้นช่วงปิดเทอมของเด็กๆนี้จึงเป็นช่วงเวลาแห่งความเสี่ยงที่พ่อแม่ และชุมชนจะต้องตระหนักและช่วยกันดูแลเด็กๆ
สถิติการตายจากการจมน้ำในเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ย้อนหลัง 19 ปี
รวม เด็กจมน้ำตาย 22729 รายใน 19 ปี
จำนวนเด็ก | จำนวนเด็กจมน้ำ | อัตราการตายต่อแสน | |
2543 | 14,263,221 | 1,591 | 11.15 |
2544 | 14,188,550 | 1,587 | 11.19 |
2545 | 14,087,315 | 1,653 | 11.73 |
2546 | 13,960,586 | 1,506 | 10.79 |
2547 | 13,836,845 | 1,644 | 11.88 |
2548 | 13,695,800 | 1,494 | 10.91 |
2549 | 13,527,944 | 1,440 | 10.64 |
2550 | 13,329,499 | 1,263 | 9.48 |
2551 | 13,119,476 | 1,244 | 9.48 |
2552 | 12,909,385 | 1,215 | 9.41 |
2553 | 12,706,867 | 1,163 | 9.15 |
2554 | 12,533,729 | 1,166 | 9.30 |
2555 | 12,377,511 | 1,050 | 8.48 |
2556 | 12,220,664 | 939 | 7.68 |
2557 | 12,054,169 | 821 | 6.81 |
2558 | 11,858,311 | 728 | 6.14 |
2559 | 11,633,696 | 732 | 6.29 |
2560 | 11,391,781 | 766 | 6.72 |
2561 | 11,148,662 | 727 | 6.52 |
2. เด็กอายุ 4-12 ปี เป็นวัยที่มีความไวต่อการตายในช่วงปิดเทอมสูงกว่าเดือนอื่นๆของปี และช่วงที่อันตรายที่สุดคือ 12-23 เมษายน
- พบว่าเด็กที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นในช่วงปิดเทอมเมื่อเทียบกับเวลาอื่นๆของปีเป็นเด็กวัยตั้งแต่ 4 ปี ถึง 12 ปี
- ช่วง 12 วันกลางเดือนเมษายน ระหว่างวันที่ 12-23 เป็นช่วงเวลาที่เด็กอายุ 4-12 ปีตายสูงสุดทั้งในเดือนเมษายนและทั้งปี
3.ในเดือนเมษายน เด็ก 4-12 ปีส่วนใหญ่ ตายในละแวกบ้าน ในบริเวณชุมชน ในขณะเล่นกับเพื่อน
สาเหตุที่สำคัญพบว่าร้อยละ 56 ตายจากการจมน้ำ ร้อยละ 25 ตายจากการจราจร ร้อยละ 8 ตายจากตกที่สูง ของแข็งชนกระแทก ร้อยละ 7 ตายจากความรุนแรง และร้อยละ 3 ตายจากไฟฟ้า
การตายส่วนใหญ่นั้นของเด็ก 4-12 ปีส่วนใหญ่ ตายในละแวกบ้าน ในบริเวณชุมชนในขณะเล่นกับเพื่อน
จมน้ำ เป็นการตายอันดับหนึ่ง แหล่งน้ำเสี่ยงจะอยู่ในละแวกชุมชนใกล้บ้านเด็ก เช่นบ่อขุด บ่อหรือสระน้ำใช้ชุมชน คลองหรือแม่น้ำในบริเวณชุมชน
อุบัติเหตุจราจร เป็นอันดับสองของการตาย สาเหตุมาจาก การขับขี่ ซ้อนมอเตอร์ไซด์ ในบริเวณละแวกบ้าน เด็กขี่ เด็กซ้อน ถูกรถชนบริเวณชุมชน แต่ในช่วงสงกรานต์อันตรายครึ่งหนึ่งเป็นรถยนต์ เป็นการเดินทางไกล
ตกที่สูง ของชนกระแทก การพลัดตกหกล้มซึ่งทำให้เสียชีวิตจากการบาดเจ็บสมองและการแตกของอวัยวะภายใน สาเหตุที่สำคัญคือตกบันได หน้าต่าง ระเบียง หลังคา ต้นไม้ ชิงช้า แป้นบาส เสาฟุตบอล หรือเล่นของเล่นที่มีลูกล้อเช่นรองเท้าสเก๊ต สกูตเตอร์ในบริเวณที่ไม่เหมาะสม
การปีนป่ายโครงสร้างหนักที่ไม่ได้รับการติดตั้งอย่างมั่นคงจะทำให้เกิดการล้มทับ เป็นเหตุให้บาดเจ็บสมองหรือการแตกของอวัยวะภายในเสียชีวิตได้เช่น การปีนป่ายรั้วบ้าน แป้นบาส เสาฟุตบอล เครื่องเล่นในสนามเด็กเล่น
การสำรวจสนามเด็กเล่นของศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก โรงเรียนอนุบาล และโรงเรียนจำนวน 148 แห่ง มีโรงเรียนที่เห็นว่าน่าจะมีความปลอดภัยเพียง 4 โรงเรียน
พ่อแม่และชุมชนจะต้องตระหนักถึงอันตรายที่อาจเกิดได้รอบตัวเด็ก การดูแลเด็ก อายุต่ำกว่า 7 ปี ต้องดูแลอย่างใกล้ชิดเป็นหน้าที่ของผู้ปกครอง ตามมาตรฐานขั้นต่ำการดูแลเด็ก การตายของเด็กกลุ่มนี้เป็นความละเลยของผู้ปกครอง
ขณะเดียวกัน การเตรียมพื้นที่เล่นปลอดภัยในบริเวณชุมชนให้กับเด็ก เป็นหน้าที่ที่สำคัญของผู้บริหารท้องถิ่น ผู้นำชุมชน การตายของเด็ก 7-12 ปีในพื้นที่ชุมชนมักพบความละเลยของ ผู้บริหารท้องถิ่น หรือผู้ดูแลพื้นที่ (เช่นครูในพื้นที่โรงเรียน) ในการจัดการความปลอดภัยให้กับเด็กๆด้วยเสมอ เช่น ไม่จัดพื้นที่เล่นปลอดภัยสำหรับเด็ก พื้นที่เล่นของเด็กไม่แยกเด็กออกจากถนน แหล่งน้ำ ไม่ตรวจสอบการติดตั้งเครื่องเล่นในสนามเด็กเล่นให้มั่นคง ไม่ตรวจสอบความปลอดภัยของสนามกีฬาเช่น แป้นบาส เสาฟุตบอล ที่ใช้งานมานานหลายปีเป็นต้น
นอกจากนั้นชุมชนควรจัดผู้สอดส่องความปลอดภัยในเด็กที่เล่นนอกบ้าน แทนพ่อแม่ในชวงปิดเทอม (พี่เลี้ยงชุมชน หรือ playgroup)
- จมน้ำ
ทศวรรษที่ผ่านมาพบว่า จมน้ำในเด็กเล็กอายุ 1-4 ปี มีแนวโน้มการตายลดลงอย่างชัดเจน เด็กวัยนี้มักจมน้ำตายในบ้าน ขณะผู้ดูแลอยู่ใกล้แต่เผอเรอชั่วขณะ การสื่อความรู้ทั้งโดยตรงและผ่านสื่อสาธารณะทำให้พ่อแม่และผู้ดูแลเด็กรับรู้และจัดการสิ่งแวดล้อมในบ้านรอบบ้านได้ทันที รวมทั้งทำให้มีความตั้งใจระมัดระวังในการดูแลเด็กเล็กใกล้ชิดมากขึ้น ในขณะนี้กลุ่มปฐมวัยที่ตายจากการจมน้ำ กว่าร้อยละ 90 อยู่ในครัวเรือนที่มีความยากจนสูง
ขณะที่ในเด็กวัยเรียนระดับประถมอายุ 5-9 ปีมีแนวโน้มการตายจากการจมน้ำลดลงเช่นกัน และมีแนวโน้มจะลดได้ต่อไป เด็กวัยนี้มักตายในแหล่งน้ำไกลบ้าน แต่ส่วนใหญ่ยังคงเป็นแหล่งน้ำในชุมชนที่เด็กอาศัยอยู่หรือเส้นทางจากบ้านไปโรงเรียน พ่อแม่ไม่ได้เฝ้าดูใกล้ชิดเพราะเป็นวัยเริ่มวิ่งเล่นกับเพื่อนนอกบ้าน ผู้ดูแลมักคิดว่าเด็กวัยนี้จะต้องรู้ความเสี่ยงและหลีกเลี่ยงภัยได้ด้วยตนเอง ต้องมีทักษะความปลอดภัยทางน้ำ 5 ประการได้แก่ รู้จักและหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้จุดเสี่ยง ลอยตัวได้ 3 นาที ว่ายท่าอะไรก็ได้ 15 เมตรเพื่อตะกายเข้าฝั่ง ช่วยเพื่อนถูกวิธีโดยการตะโกน โยน ยื่น และใช้ชูชีพเสมอเมื่อจำเป็นต้องเดินทางทางน้ำหรือต้องทำกิจกรรมใกล้แหล่งน้ำเสี่ยง จุดอ่อนของการฝึกทักษะทั้ง 5 ได้ในวงกว้างคือผู้ถ่ายทอดความรู้ ดังนั้นต้องเสริมพลังผู้สอนนอกระบบการศึกษาเช่นครูสอนว่ายน้ำตามสระต่าง ๆ ให้สามารถรับภารกิจนี้ไปดำเนินการให้ได้ เพราะลำพังอาศัยการขยายผ่านโรงเรียนในระบบพบว่ามีอุปสรรคมากมาย ไม่สามารถจัดการสอนการฝึกทักษะความปลอดภัยทางน้ำ 5 ประการได้ทันการตายรายวันของเด็ก
2.เด็กขาดแคลนพื้นที่เล่นเพื่อพัฒนาร่างกายและสมองที่ปลอดภัย
ประเทศไทย ได้ลงนามเข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ตั้งแต่วันที่ ๑๒กุมภาพันธ์ ๒๕๓๕รัฐภาคีทีรับรองอนุสนธิสัญญานี้ต้องยอมรับว่าเด็กทุกคนมีสิทธิติดตัวที่จะมีชีวิต และต้องประกันอย่างเต็มที่ให้เด็กมีโอกาสในการอยู่รอดและมีโอกาสในการพัฒนาอย่างเสมอภาค รัฐภาคีต้องยอมรับสิทธิของเด็กที่จะมีเวลาพักผ่อน การเข้าร่วมกิจกรรม การละเล่นทางนันทนาการที่เหมาะสมตามวัยของเด็ก รัฐภาคีต้องดำเนินมาตรการที่เหมาะสมทั้งปวงในอันที่จะคุ้มครองเด็กจากความไม่ปลอดภัยทั้งทางร่างกายและจิตใจ ทั้งจากการทำร้าย การกระทำอันมิชอบ การทอดทิ้ง การปฏิบัติโดยประมาท หรือการแสวงหาผลประโยชน์ การบรรลุสิทธิทั้ง ๔ ด้านจะนำไปสู่การบรรลุสุขภาวะของเด็ก
ปัญหาการละเลยและการละเมิดต่อสิทธิเด็กทั้ง 4 ด้านยังคงประจักษ์อยู่ในสังคมไทย อันเป็นเหตุแห่งอุปสรรคของการบรรลุสุขภาวะของเด็ก ดังนี้
- เด็กยังไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่เล่น พื้นที่เรียนรู้ พื้นที่ส่งเสริมพัฒนาการที่ปลอดภัยได้อย่างเสมอภาค
การเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยและประถมศึกษาที่เหมาะสม คือ เล่นนำเรียน และการเรียนรู้อย่างมีความสุข ทั้งนี้ในการเล่นที่มีสิ่งเกื้อหนุนที่ดี จะส่งเสริมให้เด็กมีพัฒนาการที่ดี ทั้งกาย จิตใจ ปัญญา และมีวินัย มีการคิดวิเคราะห์ ความคิดสร้างสรรค์ และการปรับตัว และลดอุบัติเหตุ
การที่ขาดพื้นที่สาธารณะสำหรับเด็กที่มีการจัดการอย่างเหมาะสม ปลอดภัย และส่งเสริมพัฒนาการของเด็กทำให้เด็กขาดการพัฒนาด้านทักษะทางร่างกายอันเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการเจริญเติบโต และทักษะด้านกระบวนการ ได้แก่ การคิดแก้ปัญหา การตัดสินใจ การให้เหตุผล รวมถึงการพัฒนาด้านคุณธรรม และคุณลักษณะที่จำเป็นต่อการเรียนรู้การดำเนินชีวิต ส่งผลให้เด็กมีพัฒนาการที่ล่าช้า ขาดแรงจูงใจในการเรียนรู้ ขาดทักษะในการทำงานร่วมกับคนอื่น และขาดทักษะความรับผิดชอบทั้งต่อตนเองและผู้อื่น
– สาเหตุการบาดเจ็บและเสียชีวิตของเด็กในสนามเด็กเล่นสนามเด็กเล่นส่วนใหญ่ในชุมชนและโรงเรียนมีการออกแบบ ติดตั้ง และการบำรุงรักษาที่ไม่เหมาะสมก่อให้เกิดการบาดเจ็บได้บ่อยจากการสำรวจพบว่ามีเด็กบาดเจ็บจากสนามเด็กเล่นถึงปีละ ๓๔,๐๗๕ ราย กลุ่มเด็กอายุ ๕-๑๒ ปี ได้รับบาดเจ็บบ่อยที่สุด นอกจากนี้ยังพบปัญหาความไม่ปลอดภัยสนามเด็กเล่นที่นำไปสู่การเสียชีวิตของเด็ก ซึ่งได้แก่ พื้นสนามที่มีความแข็งและไม่ดูดซับพลังงานจากการตก เครื่องเล่นแกว่งไกลไม่ได้ยึดติดฐานราก และล้มง่าย เครื่องเล่นที่มีความสูงไม่มีสิ่งป้องกันการตก รวมทั้งเครื่องเล่นที่ทาด้วยสีที่มีสารตะกั่วสูง เป็นต้น
– “กรณีเด็กจมน้ำ” พื้นที่เล่นในธรรมชาติอย่างหนึ่งของเด็กคือแหล่งน้ำ
อุบัติเหตุเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับหนึ่งของเด็กที่มีอายุ ๑ – ๑๗ ปี การจมน้ำเป็นเหตุนำในกลุ่มเด็กอายุ ๑-๑๒ ปี การจมน้ำในเด็กเล็กอายุ ๑-๔ปี เสียชีวิตในบ้าน แหล่งน้ำในบ้านเด็กวัยเรียนระดับประถมอายุ ๕-๙ ปี มักตายในแหล่งน้ำไกลบ้าน แต่ส่วนใหญ่ยังคงเป็นแหล่งน้ำในชุมชนที่เด็กอาศัยอยู่หรือเส้นทางจากบ้านไปโรงเรียน พ่อแม่ไม่ได้เฝ้าดูใกล้ชิดเพราะเป็นวัยเริ่มวิ่งเล่นกับเพื่อนนอกบ้าน ผู้ดูแลมักคิดว่าเด็กวัยนี้จะต้องรู้ความเสี่ยงและหลีกเลี่ยงภัยได้ด้วยตนเอง การป้องกันการตายในเด็กเล็กต้องเสริมความรู้ สร้างความตระหนักแก่ผู้ดูแลเด็กโดยเฉพาะกลุ่มยากจน ในเด็กโดต้องมุ่งเน้นที่ การสร้างทักษะชีวิตเพื่อความปลอดภัยทางน้ำ ๕ประการได้แก่ รู้จักและหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้จุดเสี่ยง ลอยตัวได้ ๓นาที ว่ายท่าอะไรก็ได้ ๑๕เมตรในเด็กระดับประถม ๑-๓ และ ๒๕ เมตร ในเด็กที่โตกว่านั้น การช่วยเพื่อนอย่างถูกวิธีโดยการตะโกน โยน ยื่น และใช้ชูชีพเสมอเมื่อจำเป็นต้องเดินทางทางน้ำหรือต้องทำกิจกรรมใกล้แหล่งน้ำเสี่ยง
จากการวิเคราะห์ข้อมูลการตายและการบาดเจ็บในเด็ก พบว่าปัจจัยที่สำคัญคือความยากจน เด็กที่เสียชีวิตจากความไม่ปลอดภัยกว่าร้อยละ ๗๐ อยู่ในครอบครัวและชุมชนที่มีศักยภาพต่ำ ไม่สามารถจัดการโครงสร้างกายภาพและสิ่งแวดล้อมในบ้านและชุมชนให้มีความปลอดภัยได้ ผู้ดูแลต้องทำงานหาเลี้ยงชีพ ไม่มีเวลาดูแลใกล้ชิด ผู้ดูแลมีการศึกษาต่ำ ขาดทั้งความรู้ ทักษะ และเจตคติที่ดีในการปกป้องคุ้มครองดูแลเด็ก ขณะเดียวกันหลายกรณีเป็นการเลี้ยงดูต่ำกว่าเกณฑ์รับได้ เข้าข่ายการละเลยต่อการเลี้ยงดูเด็ก ที่หน่วยงานต่างๆควรจะรู้ได้ตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุจมน้ำ จมน้ำเป็นเพียงลักษณะการเลี้ยงดูแบบละเลยแบบหนึ่งของกระบวนการเลี้ยงดูเท่านั้น
หากมีการจัดการพื้นที่เล่นให้เด็กได้เรียนรู้ทักษะต่างๆ เหล่านี้ ก็จะลดอุบัติเหตุลงได้
การเพิ่มพื้นที่เล่น เรียนรู้ ส่งเสริมพัฒนาการ โดยมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องโดยส่งเสริมการสร้างสนามเด็กเล่นสร้างปัญญาสำหรับเด็กปฐมวัยและประถมศึกษา
ประเทศไทยยังขาดพื้นที่เล่นที่ปลอดภัยสำหรับเด็กปฐมวัยและประถมศึกษาและให้เด็กมีอิสระในการพัฒนาตนเองในทางที่ถูกที่ควร และใกล้กับธรรมชาติ และการเรียนรู้จากความสนุกและมีความสุข เป็นเหตุสำคัญที่ทำให้เด็กไทยด้อยคุณภาพ การมี “สนามเด็กเล่นสร้างปัญญา” ซึ่งเด็กสามารถทดลอง ค้นคว้า ค้นหา ฝึกความมีวินัย จากการเล่นได้ จะมีบทบาทสำคัญมากในการพัฒนาเด็กไทย การจัดการสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและสร้างสรรค์ เพื่อพัฒนาเด็กปฐมวัยและประถมศึกษา โดยการเล่นและเรียนรู้ที่ใกล้ชิดกับธรรมชาติ มุ่งที่จะ “เสริมสุขภาพ สร้างปัญญา พัฒนาจิตใจ”
- สงกรานต์ปลอดภัย
วันที่ 12-23 เมษายนซึ่งเป็นในช่วงสงกรานต์จะเป็นช่วงเวลาที่เด็กอายุ 4-12ปีมีความเสี่ยงสูงสุดต่อการตายจากอุบัติเหตุ
- ชุมชนต้องเตรียมพื้นที่ให้เล่นน้ำเฉพาะ (zoning) เพื่อลดอุบัติเหตุจราจร
- พื้นที่ให้เล่นน้ำเฉพาะที่เตรียมต้องเป็นพื้นที่ให้ปลอดภัยสำหรับเด็ก เน้นป้องกันการจมน้ำ การถูกรถชน ของหนักหล่นทับ ตกที่สูง ถูกไฟฟ้าดูด ระวังเฝ้าดูความรุนแรง (การกระทำต่อเด็ก)
- งดเหล้าและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การขายอุปกรณ์ฉีดน้ำที่ไม่เหมาะสมในเขตพื้นที่เล่นน้ำเฉพาะ
- ชุมชน ผู้บริหารท้องถิ่น ผู้จัดการพื้นที่บริการหรือพื้นที่สาธารณะต่างๆ เตรียมพื้นที่เล่นทั่วไป สนามกีฬา สนามเด็กเล่น สำหรับเด็กเพราะเป็นช่วงปิดเทอม เด็กกลับบ้าน มาเยี่ยมญาติ ถูกส่งมาอยู่กับญาติในชุมชน หรือมาเที่ยวพักผ่อนเช่นกัน