โดย รศ. นพ. อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ ผู้อำนวยการ สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล หัวหน้าศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัย และป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก โรงพยาบาลรามาธิบดี
อีกครั้งหนึ่งที่เราได้อ่านข่าวการตายของเด็กทารกจากการนอน เด็กทารกใช้เวลาส่วนใหญ่ในการนอน การนอนหลับให้เพียงพอเป็นสิ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของเด็กทารกทั้งร่างกายและสมอง คุณพ่อคุณแม่อาจคิดไม่ถึงเลยนะครับ ว่าการนอนก็เป็นอีกกิจวัตรหนึ่งที่ก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้เช่นกัน
เด็กตายจากการนอนข้างแม่
ข่าวซ้ำแล้วซ้ำอีกของแม่ที่ทำงานจนอ่อนเพลีย หรือแม่ที่กินยาแก้หวัด หรือยาอื่นที่ทำให้หลับสนิท ก่อนล้มตัวลงนอนข้างๆลูกน้อยวัยก่อนหกเดือน พอตื่นขึ้นมาก็พบว่าได้นอนทับลูกน้อยเอาไว้ เมื่อยกตัวขึ้นมาพบว่าลูกหน้าตาเขียวคล้ำ หยุดหายใจแน่นิ่ง เนื้อตัวซีดเย็น เสียชีวิตไปแล้ว สาเหตุเกิดจากการนอนทับลูกจนขาดอากาศหายใจซึ่งจะใช้เวลาเพียงสี่นาทีสมองของเด็กก็อาจเสียหายจนไม่สามารถกลับคืนสภาพได้ เป็นเหตุที่เกิดขึ้นได้บ่อยในทุกประเทศที่มีวัฒนธรรมการจัดให้ทารกนอนข้างๆอย่างใกล้ชิดแบบไหล่ชนไหล่ การศึกษาพบว่าการนอนข้างกันมีความเสี่ยงต่อการตายเฉียบพลันของทารกในขณะนอนถึง 40 เท่าเมื่อเปรียบเทียบกับทารกที่นอนแยกที่นอนกับพ่อแม่หรือผู้นอนร่วมอื่นๆ การศึกษาเรื่องการนอนทับทารก(Overlying) ของ Nakamura ในปี 1990-1997 พบเด็กจำนวน 121 ราย เสียชีวิตจากการถูกนอนทับโดยผู้ใหญ่หรือเด็กอื่นที่นอนร่วมเตียง การศึกษาจากฐานข้อมูลของศูนย์คุ้มครองผู้บริโภค ประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่าในช่วง 1999-2001 พบอีก 58 ราย ร้อยละ 77 ของเด็กที่ถูกนอนทับตายจะมีอายุน้อยกว่า 3 เดือน
วัฒนธรรมไทยเราพ่อแม่มักนอนเตียงเดียวกับลูกจนโต การปฏิบัติดังกล่าวมีความเสี่ยงในการนอนทับเด็กเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กทารกอายุน้อยกว่า 6 เดือน คนที่มีความเสี่ยงในการนอนทับเด็กทารกคือคนอ้วนมากๆ คนที่กินยานอนหลับ ยาทำให้ง่วงเช่นยาแก้หวัด ยากล่อมประสาท คนเมาเหล้า และเด็กโต เพราะคนเหล่านี้มักหลับสนิทเกินไป นอนทับแล้วไม่ยอมรู้สึกตัว
นอนคว่ำอันตราย
ท่านอนที่อันตรายมากที่สุดสำหรับเด็กทารกคือการนอนคว่ำ จากการวิจัยพบว่าการนอนคว่ำเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อโรคการตายฉับพลันของเด็กทารกโดยไม่ทราบสาเหตุหรือที่เรียกกันว่าโรค SIDS (sudden infant death syndrome)
ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้มีโครงการ “ให้เด็กนอนหงาย” (Back to sleep) โดยแนะนำให้จัดท่านอนเด็กเป็นท่านอนหงายเสมอตั้งแต่ปี 1992 พบว่าการตายจากโรค SIDS ลดลงอย่างชัดเจน จากการวิจัยหลายแหล่งพบว่าการนอนคว่ำมีความเสี่ยงต่อการกดทับจมูกปากจนขาดอากาศหายใจมากกว่าการนอนหงาย 2-7 เท่าตัว
ดังนั้นเด็กอายุน้อยกว่า 6 เดือนควรจัดท่าให้นอนหงายเท่านั้น การนอนคว่ำอาจเป็นอันตรายได้ เพราะเด็กทารกแรกเกิดยังตะแคงหน้า ยกศีรษะไม่เป็น
อย่างไรก็ตามคุณแม่ควรจับเด็กนอนคว่ำบ้าง แต่ทำได้เฉพาะในเวลาเด็กตื่นและมีผู้ดูแลเด็กเฝ้าดูอยู่ใกล้ชิด เพื่อให้เด็กได้ลดโอกาสการเกิดภาวะหัวแบนและได้ออกกำลังต้นแขนและหัวไหล่ให้เกิดความแข็งแรงด้วย
เครื่องนอน หมอน มุ้ง
เบาะ ที่นอน หมอน ฟูก ผ้าห่ม มุ้งที่อยู่บนเตียงเป็นปัจจัยร่วมที่ก่อให้เกิดการขาดอากาศหายใจได้ เบาะสำหรับเด็กต้องเป็นเบาะที่มีความแข็งกำลังดี เบาะ ฟูก หมอน หรือผ้าห่มนุ่มๆหนาๆขนาดใหญ่ๆ หน้าเด็กอาจจุ่มลงไปแล้วกดจมูกและปากเป็นเหตุให้ขาดอากาศหายใจ เสียชีวิตได้
ต้องไม่ให้เครื่องนอน ของเล่น เสื้อผ้า อุปกรณ์อื่นๆมีลักษณะเส้นสายที่มีความยาวเกินกว่า 22 ซม. เพราะอาจเป็นเหตุให้เกิดการรัดคอเด็กได้ เคยมีกรณีที่คุณพ่อกลับจากที่ทำงานมาดึกหลังเข้ามาในห้องนอนมืดๆก็พบลูกชายวัย 7 เดือนกำลังนอนกับมารดา จึงเข้าหอมแก้มลูกด้วยความเอ็นดู พบว่าใบหน้าลูกเย็นเฉียบ จับดูมือเท้าก็พบว่ามือเท้าเย็นเฉียบเช่นกัน จึงเปิดไฟดูพบว่าศีรษะลูกมุดรอดสายหูรูดหมอนข้าง สายรัดคอจนหน้าซีดเขียว เสียชีวิตแล้ว!
ตายแบบแขวนคอตามช่องว่างต่างๆของเตียงผู้ใหญ่
ช่องว่างระหว่างเตียงผู้ใหญ่กับกำแพง หรือกับเฟอร์นิเจอร์อื่นที่นำมาวางใกล้กับเตียงแล้วทำให้เกิดช่องว่างกว้างกว่า 6 ซมแต่ไม่เกิน 23 ซม อาจทำให้เด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ปีนำขาและลำตัวมาสอดใส่แล้วตกลงไปแต่ศีรษะติดค้างอยู่บนที่นอนโดยเท้าแตะไม่ถึงพื้น ทำให้ทารกเสียชีวิตในท่าคล้ายถูกแขวนคอได้ในเวลาไม่ถึงสี่นาที
เด็กทารกนอนเตียงที่ถูกออกแบบมาสำหรับผู้ใหญ่ จริงๆแล้วมีรายงานการตายแบบคล้ายๆกันมากมายในต่างประเทศมานานกว่า 20 ปี และในบ้านเราได้มีการรณรงค์ ให้ความรู้ในเรื่องเหล่านี้มานานกว่า 15 ปี U.S. Consumer Product Safety Commission (CPSC) ได้รายงานการตายในเด็กอายุน้อยกว่า 2 ปีจำนวน 180 รายในช่วงตั้งแต่ มกราคม 1999 ถึงธันวาคม 2001 ซึ่งมีสาเหตุจาการนอนบนเตียงผู้ใหญ่ ในจำนวนนี้ 122 รายเกิดจากการติดค้างของศีรษะตามช่องว่างต่างๆ (entrapment) อีก 58 รายเกิดจากการถูกนอนทับ (overlying) โดยผู้ร่วมเตียง
ดังนั้นไม่ควรให้เด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบนอนบนเตียงของผู้ใหญ่ ควรนอนเตียงเด็ก (ที่ได้มาตรฐาน) หรือนอนเบาะที่นอนเด็ก (ไม่ใช้เตียง) แยกจากเบาะที่นอนผู้ใหญ่ เด็กเล็กนอนเตียงผู้ใหญ่อาจมีอันตรายจากช่องว่างที่เกิดขึ้นจากการจัดเตียง ช่องว่างที่มีขนาดกว้างกว่า 6 ซมในเด็กทารก (หรือขนาด 9 ซม ในเด็กอายุมากกว่า 6 เดือนขึ้นไป) จะมีโอกาสที่ลำตัวเด็กจะตกลงไปและศีรษะติดค้างในท่าแขวนคอได้ ช่องว่างดังกล่าวที่พบบ่อยคือ ช่องว่างระหว่างเตียงกับกำแพงซึ่งเกิดจากการจัดวางเตียงไม่ชิดกำแพงจริง ช่องว่างที่เกิดจากการจัดวางเตียงกับเฟอร์นิเจอร์อื่น
เตียงเด็กเล็ก (crib)
เหมาะอย่างยิ่งที่จะใช้กับเด็กอายุน้อยกว่า 2 ปี อย่างไรก็ตามก็ต้องเลือกใช้เตียงที่มีมาตรฐานความปลอดภัย ในบ้านเรามีมาตรฐานเตียงเด็กเล็กอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม มาตรฐานความปลอดภัยของเตียงเด็กเล็ก ต้องมีคุณลักษณะดังนี้
-ราวกันตกมีซี่ราวห่างกันไม่เกิน 6 ซม.
-ราวกันตกจะต้องมีตัวยึดที่ดี เด็กไม่สามารถเหนี่ยวรั้งให้ตกได้เอง
-จากขอบบนของเบาะที่นอนถึงราวกันตกด้านบนต้องมีความสูงไม่ต่ำกว่า 65 ซม. หรือ ¾ ของความสูงเด็ก
-เบาะที่นอนต้องพอดีกับเตียง และไม่มีช่องว่างระหว่างเบาะกับราวกันตกเกินกว่าด้านละ 3 ซม.
-ผนังเตียงด้านศีรษะและเท้าต้องไม่มีการตัดตกแต่งให้เกิดช่องว่าง
-พื้นรองเบาะที่นอนต้องทึบและแข็ง
-มุมเสาทั้ง 4 มุมต้องเรียบ มีส่วนนูนได้ไม่เกิน 1.5 มม.
ดาวน์โหลด PDF
> safe sleep แถลงข่าวนอนทับเด็ก 8เมย65
> เพสข่าว_ ทารกน้อยกับอันตรายจากการนอน 8 เมย65