สนามเด็กเล่น….หรือ “จุดเสี่ยง” !!! ในฐานะที่ทำงานด้านสุขภาพและความปลอดภัยของเด็กหลายครั้ง ก็นึก
น้อยใจแทนเด็กไทย โดยเฉพาะเด็กๆในเมืองหลวง ที่วันๆแทบจะไม่ได้เล่นกีฬาหรือออกกำลังกาย
เหตุเพราะทั้งเวลา(การบ้านเยอะ,จราจรติดขัด)และสถานที่ไม่เอื้ออำนวย(ขาดแคลนสวนสาธารณะ,ไม่มีสโมสรกีฬาใกล้บ้าน)ยิ่งเด็กในวัยเจริญเติบโตที่ต้องอาศัยสนามเด็กเล่นละแวกบ้าน ที่ทั้งเก่าซอมซ่อ
ทั้งไม่มีความปลอดภัยสารพัด แทนที่จะได้ความสนุกสนานและสุขภาพแข็งแรง
ก็กลับกลายเป็น “จุดเสี่ยง” ที่ควรหลีกเลี่ยงอย่างยิ่ง!
ดังเช่นน้องกิฟต์( 4 ขวบ) ที่เป็นเจ้าประจำของสนามเด็กเล่นในชุมชนใต้ทางด่วน-กลางเมือง
ซึ่งผู้คนละแวกนั้นต่างก็รู้ว่า นี่คือผลงานของนักการเมืองในอดีต ที่นำมาจัดวางก่อนการเลือกตั้ง
แต่หลังจากนั้นผ่านมาตลอด 10 ปี ก็ไม่เคยมีการซ่อมแซม บำรุงรักษา
แม้แต่หน่วยงานรัฐก็ไม่มีใครมาแสดงความเกี่ยวข้องหรือรับผิดชอบ
เหมือนไม่ดูดำดูดีเด็กๆในย่านผู้คนผู้ปากกัดตีนถีบหาเช้ากินค่ำ
เด็กๆจึงเข้ามาเล่นในสนามอันตรายอย่างไร้ทางเลือกใดๆ กระทั่งหลายๆคนได้รับบาดเจ็บ
… แล้วก็มาถึงคิวของน้องกิฟต์เข้าจนได้ !
นั่นก็คือ…เจ้ากระดานลื่นแสนซอมซ่อ
ที่วันนั้นมันได้ปรากฏร่องรอยอันตรายขึ้น
โดยปุ่มปูดปมซึ่งมีอยู่แล้วบนแผ่นสังกะสี ที่ปูลาดบนทางลื่นลงได้เกิดแตกปริ
เป็นร่องอันแหลมคม …และแล้วน้องกิฟต์ก็กลายเป็นเหยื่อที่ขาน้อยๆโดนบาดเป็นรอยแผลยาวราวๆ 2 นิ้ว มีเลือดซึม……
VIDEO
—————– การปฐมพยาบาล —————–
จริงๆแล้ว…การที่เด็กๆได้เล่นในสนามเด็กเล่น ได้เล่นเครื่องเล่นต่างๆในสนาม
ไม่ว่าจะเป็นชิงช้า,กระดานหก,กระดานลื่น,ราวโหน,ม้าหมุน ฯลฯ…ก็ล้วนแต่เป็นสิ่งจำเป็น
และ มีประโยชน์แก่เด็กๆอย่างมาก เช่น ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตแข็งแรง
จิตใจสดชื่นรื่นเริง แถมยังช่วยในการเรียนรู้,การแก้ปัญหา,พัฒนาทักษะในการเคลื่อนไหว
(วิ่ง,กระโดด,ปีนป่าย,ห้อยโหน) แต่ทั้งหมดนี้จะต้องตั้งมั่นอยู่บนมาตรฐานความปลอดภัย
เพื่อจะได้ไม่เกิดเหตุร้ายแก่เด็กๆซ้ำแล้ว…ซ้ำอีก…
จากการศึกษาของศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัย และป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก
โรงพยาบาลรามาธิบดี พบว่า …ในแต่ละปีมีเด็กๆของเราได้รับบาดเจ็บจากเครื่องเล่นในสนามถึงปีละ 34,075 ราย !
โดยตัวเลขดังกล่าว รวมถึงเด็กที่บาดเจ็บสาหัส และ …เสียชีวิต
จากข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์ …..
ชิงช้าโซ่ขาด เด็กประถม 6 ฟาดพื้น…เสียชีวิต ( นครสวรรค์)
คานชิงช้าทับหัวเด็ก 8 ขวบ …เสียชีวิต ( สุพรรณ)
ลูกโลกหมุน ล้มทับเด็ก … เสียชีวิต ( กทม. )……..ฯลฯ
…เมื่อพูดถึงมาตรฐานความปลอดภัย “หัวใจ” สำคัญ
แห่งความปลอดภัยของเครื่องเล่นทั้งหลาย จะต้องมีการจับยึดที่มีเสถียรภาพ
โดยเริ่มจากการติดตั้ง ที่ต้องมีการฝังฐานรากติดตรึงอย่างมั่นคงแข็งแรง
ไม่โยกคลอน พื้นที่บริเวณนั้นต้องไม่แตกร้าวหรือทรุดตัว และที่สำคัญคือ…
อันตรายจากสนามเด็กเล่นนั้น กว่า 70%
เกิดจากการพลัดตกหกล้ม ที่นำมาซึ่งการบาดเจ็บและเสียชีวิต(เพราะหัวกระแทกพื้น)
ดังนั้น เครื่องเล่นที่ติดตั้งอย่างมั่นคง ก็จะต้องอยู่บนพื้นสนามที่ปลอดภัยด้วยนะครับ
นั่นหมายถึงพื้นสนามจะต้องมีความหนานุ่มอย่างน้อย 9 นิ้ว และมันควรเป็นพื้นทราย
,พื้นขี้เลื่อย หรือเป็นยางสังเคราะห์ ไม่ใช่เป็นพื้นแข็งๆ อย่างพื้นซีเมนส์,ยางมะตอย,
ทรายอัดแข็ง,พื้นหญ้า หรือที่พบเห็นอยู่ไม่น้อย ก็คือ
พื้นที่เกลื่อนไปด้วยก้อนกรวดก้อนหิน,เศษอิฐ เศษปูน(เผลอๆก็มีเศษแก้ว เศษตะปูด้วย)
การจับยึดที่มั่งคงแข็งแรงนั้น
ยังรวมถึงสภาพของเครื่องเล่นแต่ละชิ้น ที่จะต้องไม่โยกเยกคลอนแคลน
หรือสนิมเขรอะกระทั่งแม้แต่น้อตแต่ละตัวก็หมดสภาพ
จุดเชื่อมต่อต่างๆก็ดูหมิ่นเหม่ เหมือนจะหลุดจะร้าวได้ทุกเมื่อ
นอกจากการตรวจสอบคุณภาพและความปลอดภัย(ในเบื้องต้น)แล้ว
สิ่งสำคัญยิ่งที่หลายๆท่านอาจลืมนึกถึง นั่นก็คือผู้ใหญ่ที่ดูแลเด็ก ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่
ญาติผู้ใหญ่ หรือพี่เลี้ยงก็ตาม ก็จะต้องปฏิบัติภารกิจเพื่อความปลอดภัยของเด็กๆ
ดังต่อไปนี้ครับ …
VIDEO
1 ) อันตรายที่เกิดจากกระดานลื่น ที่พบบ่อยก็คือ
เจ้าหนูน้อยทั้งหลายมักจะลงรางลื่นด้วยสารพันท่าพิสดาร คือ
แทนที่จะนั่งแล้วปล่อยให้ไหลลงไปตามปกติ กลับใช้หัวเข่าไถลงไป,
นอนหงายลงไป,เดินขึ้นเดินลงตรงรางลื่นและที่อันตรายสุดก็คือ
นอนคว่ำเอาหัวลง…ซึ่งคุณพ่อคุณแม่หรือผู้ดูแลจะห้าม และต้องตักเตือนหากเด็กทำเช่นนั้น
กระดานลื่นที่ปลอดภัยจะต้องมีราวจับทั้ง 2 ข้าง และราวจับก็ต้องทอดยาวตลอด
ตั้งแต่บันไดขั้นแรกกระทั่งถึงพื้นยกระดับ ส่วนราวจับก็ต้องมีขนาดที่เด็กจะกำได้โดยรอบ
ตรงพื้นที่ยืนรอก่อนจะลงรางลื่น ก็ต้องมีผนังกันตกทั้งสองข้าง
รางลื่น จะต้องโค้งมน แต่มีพื้นผิวที่ราบเรียบตลอดแนว และก่อนจะให้เด็กๆเล่น
ผู้ใหญ่ก็ควรดูและใช้มือสัมผัสว่ามีรอยปูดปม มีรอยแหลมๆคมๆใดหรือไม่
นอกจากนั้นการสัมผัสยังทำให้รู้ว่า พื้นผิวของรางลื่นในขณะนั้นมีความร้อนสูง
หรือไม่? เพราะการอยู่กลางแดดจัดนานๆ ทำให้เกิดความร้อนสะสมบนผิวของรางลื่น
(ที่โดยมากมักทำด้วยสังกะสี หรือโลหะอื่นๆ) ขืนปล่อยให้เนื้ออ่อนๆของเด็กๆ
ถูไถลลงมากับแผ่นโละร้อนจัด มีหวังได้รอยแผลไหม้แน่ๆ
สอนลูกว่า … เพื่อความปลอดภัย การลงจากกระดานลื่น จะต้องอยู่ในท่านั่ง
และเอาฝ่าเท้าลงก่อนเสมอ เมื่อลงถึงพื้นแล้วก็ให้ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากกระดานลื่นทันที
เพราะหากมีคนอื่นกำลังลงตามมาจะได้ไม่ชนกัน
2 ) ชิงช้า …ควรทำด้วยผ้า,ยาง หรือวัสดุที่อ่อนนุ่ม มีขอบมนและมีผิวเรียบ
ซึ่งย่อมปลอดภัยว่าชิงช้าที่ทำด้วยโละ,ไม้ ที่เสี่ยงต่อการโดนกระแทกหากเกิดพลัดตก
ชิงช้าที่จัดวางใกล้กันเกินไป หรือใกล้กับเสาคานด้านข้างมักเกี่ยว,ชนกัน หรือ
กระแทกเสาคานข้าง ได้ ตามมาตรฐานระยะห่างของที่นั่งชิงช้ากับโครงด้านข้าง
จะต้องไม่น้อยกว่า 75 ซม. และรายะห่างระหว่างที่นั่งต้องไม่น้อยกว่า 60 ซ.ม.
สอนลูกว่า … การนั่งชิงช้านั้น ควรนั่งตรงกลางของที่นั่งเท่านั้น
และห้ามขึ้นไปยืนหรือคุกเข่าบนที่นั่งโดยเด็ดขาด มิฉะนั้นอาจตกลงมาจนได้รับบาดเจ็บ
สอนลูกว่า … เพราะว่าหนูยังเด็ก ยังตัวเล็กนัก จึงไม่ต้องไกวชิงช้าให้คนอื่นนั่ง
แล้วก็ไม่ให้คนอื่นมาไกวชิงช้าให้เรา และถ้าใครมาไกวชิงช้าให้เราเราก็ต้องห้ามปรามทันที
เพราะเด็กๆมักจะออกแรงไกวอย่างสุดๆ โดยไม่ได้คิดถึงอันตรายกันเลย
ถ้าลูกอายุยังไม่ถึง 5 ขวบ หากลูก อยากนั่งชิงช้า เราก็ควรประคองตัวประคองหลังเขาไว้ให้ดี
เนื่องจากเด็กวัยนี้ยังทรงตัวได้ไม่ค่อยเก่งครับ หากไม่ระมัดระวังก็อาจเกิดอันตรายได้ครับ
3 ) เครื่องเล่นปีนป่าย-ห้อยโหน แม้ว่าเด็กเล็ก(วัย ไม่เกิน 5 ขวบ)จะชอบปีนป่าย
แต่เครื่องเล่นชนิดนี้ยังไม่เหมาะกับพวกเขาครับ นอกจากเครื่องเล่นมักจะสูงเกิน
กว่าวัยของเขาแล้ว ก็ยังไม่มีทางลงที่เหมาะอีกด้วย
เด็กๆที่จะมาเล่นเครื่องเล่น ไม่ควรมีอะไรมาคล้องคอให้เสี่ยงอันตรายเลยนะครับ ไม่ว่าจะเป็นเชือกผูก,
จุ๊บนมยาง.สายสร้อย,สายสิญจน์ หรือผ้าพันคอ…
หรือแม้แต่ลักษณะของเสื้อผ้าที่เด็กสวมใส่ก็ไม่ควรมีหมวกห้อยติดเสื้อ มีสายมีเชือก
ระโยงระยางให้เกะกะจนอาจไปเกี่ยวไปพันกับอะไรก็ได้ โดยเฉพาะในเวลาที่ลูกกำลังวิ่งเล่น
หรือเล่นพวกเครื่องเล่นเด็ก และที่อันตรายมากก็คือในสวนสนุก ที่มีเครื่องยนต์กลไกกำลังทำงานอยู่ตลอดเวลา
เพื่อกันไม่ให้ศีรษะเด็กมุดเข้าไปติดค้าง และอุดกั้นลมหายใจ ช่องว่างแต่ละช่อง
จะต้องห่างกันน้อยกว่า 9 ซม. หรือมากกว่า 23 ซม.ขึ้นไป เพื่อกันส่วนเท้า,ขา จะต้องไม่เกิน 3 ซม.
และเพื่อกันส่วนนิ้วที่เด็กจะแหย่เข้าไปแล้วติดหนีบจนดึงไม่ออก จะต้องไม่มีช่องว่างที่มีขนาด 0.5 ถึง 1.2 ซม.
(งานนี้เห็นทีจะต้องพกสายวัดไปด้วย!)
สอนลูกว่า … ทุกครั้งเมื่อจะปีนลงให้ลูกเอี้ยวไปมองด้านหลังก่อนว่า
มีใครปีนสวนขึ้นมาหรือไม่ ถ้ามีก็ให้เขาปีนขึ้นมาก่อน
อุบัติเหตุที่มักเกิดขึ้นก็คือ คนหนึ่งปีนลงโดยไม่เหลียวมองหลัง ในขณะที่อีกคนก้มหน้าก้มตาปีนขึ้น
สอนลูกว่า … ห้ามเล่นเครื่องปีนป่าย(รวมทั้งเครื่องเล่นทุกชนิด)ที่เปียกน้ำ
เพราะมันลื่นทำให้พลัดตกได้ง่าย
สอนลูกว่า … ก่อนจะทิ้งตัวลงมาจากเครื่องปีนป่าย จะต้องลงโดยท่าย่อเข่า และใช้เท้าสองข้างถึงพื้นพร้อมๆกัน ไม่ใช่ทิ้งขาหรือทิ้งก้นลงมาเลย
4 ) เครื่องเล่น โดยมากจะมีสีฉูดฉาดแบบการ์ตูน เพื่อดึงดูดใจเด็กๆ แต่หากว่า
สีนั้นลอกหลุดร่อน ก็ควรหลีกเลี่ยงครับ เพราะอาจมีสารตะกั่วปนเปื้อน เมื่อลูกไปสัมผัสเข้า พิษสารตะกั่วก็มีโอกาสเข้าสู่ร่างกาย ส่งผลเสียหายต่อการพัฒนาการทางสมอง
5 ) สนามเด็กเล่นที่ปลอดภัยจะต้องไม่คับแคบ ตาควรมีความกว้างไม่น้อยกว่า 5 เมตร หรือมีพื้นที่ไม่น้อยกว่า 53 ตารางเมตร
เครื่องเล่นแต่ละชิ้น ต้องวางห่างกันไม่น้อยกว่า 180 ซ.ม. เพื่อกันการถูกชน
กระแทกโดนเครื่องเล่น ในขณะที่เด็กๆวิ่งเล่น หรือเกิดพลัดตกจากเครื่องเล่น
เท่าที่เล่ามาทั้งหมดนี้ จะเห็นได้นะครับว่า การจะทำให้สนามเด็กเล่น
เป็นสถานที่ปลอดภัย มีประโยชน์ และเหมาะสำหรับเด็กๆนั้น
นอกจากคุณพ่อคุณแม่จะต้องคอยดูแลลูกอย่างใกล้ชิดแล้ว
บรรดาหน่วยงานทั้งรัฐและเอกชนที่มีหน้าที่รับผิดชอบ ก็สมควรจะต้องตื่นตัว
และมีสามัญสำนึกทำหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด อย่าเพียงคิดแค่ว่า
ในเมื่อลูกหลานของฉันไม่เดือดร้อน ก็ไม่เห็นจะต้องใส่ใจอันใดให้ปวดหัว…..
www.csip.org
******************************************