VIDEO
เทปออกอากาศ 21 มกราคม 2558
จากกรณีข่าวที่มีสาวใหญ่ จังหวัดแพร่ ทานลูกชิ้นจัมโบ้ติดคอจนเสี ยชีวิต และเหตุการณ์ที่จังหวัดมหาส ารคาม เด็ก 4 ขวบ กลืนลูกแก้วลงคอจนมีอาการหา ยใจติดขัด อาเจียนเป็นเลือด แต่ล่าสุดอาการปลอดภัยแล้ว ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่ องใกล้ตัวที่มีโอกาสเกิดขึ้ นได้ตลอดเวลา แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วผู้ที่ อยู่ใกล้ชิดจะต้องทำอย่างไร
รศ.นพ.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ หัวหน้าศูนย์วิจัยความปลอดภ ัยในเด็ก รพ.รามาธิบดี ซึ่งคุณหมอบอกว่า การกลืนอาหารหรือสิ่งแปลกปล อมลงไปในคอนั้น หากเป็นกรณีปกติสิ่งเหล่านั ้นจะถูกกลืนลงไปในหลอดอาหาร และเข้าสู่กระเพาะอาหารต่อไ ป แต่หากกรณีที่อาหารหรือสิ่ง แปลกปลอมตกเข้าไปในหลอดลม ซึ่งอยู่หน้าหลอดอาหารแล้วเ กิดการติดค้างอยู่ ก็จะทำให้หายใจไม่ออก ต้องรีบนำสิ่งนั้นออกมาทันท ี อาการของผู้ที่มีอาหารหรือส ิ่งแปลกปลอมติดค้างอยู่ในหล อดลมทั้งในเด็กเล็กและผู้ให ญ่จะมีลักษณะใกล้เคียงกัน คือ สำลัก แน่นในลำคอ หายใจติดขัด ไอ เสียงแหบแห้ง หน้าเขียวตัวเขียว จนถึงขั้นหมดสติ ซึ่งในอาการสุดท้ายนี้จะมีเ วลาในการช่วยเหลือเพียงแค่ 4 นาทีเท่านั้น
ดังนั้นในการปฐมพยาบาลเบื้อ งต้น หากพบผู้ที่มีอาหารหรือสิ่ง แปลกปลอมอุดตันในหลอดลม แต่ยังไม่หมดสติ ยังรู้ตัวอยู่ เราควรจัดให้ผู้ป่วยอยู่ในท ่านั่งแล้วรีบนำตัวส่งโรงพย าบาลทันที แต่หากผู้ป่วยมีอาการตัวเขี ยวหน้าเขียวจนถึงขั้นหมดสติ ควรปฐมพยาบาลเบื้องต้นระหว่ างนำส่งโรงพยาบาล ซึ่งการปฐมพยาบาลนี้ในเด็กอ ายุต่ำกว่า 3 ขวบ และเด็กที่มีอายุ 3 ขวบขึ้นไปจนถึงผู้ใหญ่ จะมีวิธีการช่วยเหลือแตกต่า งกันไป
สำหรับการป้องกันเพื่อไม่ให ้เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้น คุณหมอแนะนำว่า ควรระมัดระวังในการทานอาหาร โดยหากเป็นเด็กเล็กอายุต่ำก ว่า 3 ปี และในผู้สูงอายุที่ช่วยตัวเ องไม่ได้ ควรทานอาหารชิ้นเล็ก ละเอียด เป็นแผ่นบาง นอกจากนี้หากเป็นเด็กเล็กผู ้ปกครองควรระมัดระวังลูกหยิ บของเข้าปากด้วย สำหรับกรณีเด็กโตและผู้ใหญ่ ในการทานอาหารนั้น ควรนั่งทานให้เรียบร้อย ไม่เดินหรือวิ่งขณะทาน และไม่ควรหัวเราะขณะทานอาหา รด้วย