ภาพที่เราเห็นตามท้องถนน ส่วนใหญ่ก็คือ ผู้ใหญ่อุ้มเด็กบนตัก
แล้วนั่งด้านหน้าข้างคนขับ พ่อแม่คงอยากให้ลูกอยู่ใกล้ชิดเผื่อเกิดอุบัติเหตุลูกก็คงปลอดภัยในอ้อมกอดของพ่อแม่
แต่ความจริงก็คือ...แรงมหาศาลของการปะทะของจากการชน
หรือแรงจากการเบรกกระทันหันนั้นมันเกินกำลังที่พ่อแม่จะยึดลูกอยู่
หนำซ้ำการนั่งห่างจากถุงลมนิรภัยใกล้กว่า
25 ซม เมื่อมันระเบิดออกมา แรงกระแทกจากถุงลมนิรภัยก็สามารถทำให้เกิดการบาดเจ็บรุนแรงต่อเด็กได้
ถุงลมนิรภัยจะระเบิดกางออกโดยปฏิกิริยาเคมีก่อให้เกิดก๊าซไนโตรเจน
(30-100 ลิตรแล้วแต่รุ่น) อย่างรวดเร็วในเวลา 1/20
วินาที ผู้โดยสารจะได้รับความปลอดภัยเสริมจากถุงลมต่อเมื่อนั่งห่างถุงลมอย่างน้อย
25 ซม เท่านั้น หากนั่งใกล้กว่านี้ จะเกิดอันตรายจากการกระแทกของถุงลมเอง
โดยเฉพาะในเด็กที่นั่งตักแม่ทำให้เด็กอยู่ห่างจากระยะระเบิดของถุงลมน้อยเกินไป
มีรายงานการเสียชีวิตจากถุงลมในอุบัติเหตุที่ไม่รุนแรงกว่าสองร้อยราย
ในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเป็นเด็กน้อยกว่าสิบสองปี
และการบาดเจ็บของสมองเป็นสาเหตุหลัก
มีรายงานโดยศูนย์ควบคุมโรคของสหรัฐ
(Center for Disease Control) ถึงการตายของเด็กอายุ 3 สัปดาห์ – 12
ปีที่เกิดจากถุงลมนิรภัย และการศึกษาที่ประเทศกรีกในเด็ก
129 รายอายุ 0-11 ปีที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุรถยนต์โดยนั่งด้านหน้าและไม่ได้ใช้ที่นั่งนิรภัย
พบว่าเด็กกลุ่มนี้มีความเสี่ยงต่อการได้รับบาดเจ็บมากกว่ากลุ่มที่นั่งด้านหลังและไม่ได้ใช้ที่นั่งนิรภัยเช่นกันถึง
5 เท่าตัว เบาะหลังจึงเป็นตำแหน่งที่ปลอดภัยสำหรับเด็กอายุน้อยกว่า
13 ปี
สำหรับเด็กนั้นจะใช้เข็มขัดนิรภัยที่ติดมากับรถยนต์ได้เหมาะสมปลอดภัยก็ต่อเมื่อ
...มีอายุ 9 ปีขึ้นไป หรือ มีน้ำหนัก
มากกว่า 30 กก หรือความสูงตั้งแต่ 140 ซ.ม. ขึ้นไป...เท่านั้น
มิฉะนั้นเข็มขัดนิรภัย อาจกลายเป็นตัวการทำอันตรายต่อเด็กๆอย่างรุนแรง
แต่ใน พรบ. จราจรของบ้านเรากำหนดไว้ในมาตรา
123 ว่า ผู้ขับขี่รถยนต์ต้องรัดร่างกายด้วยเข็มขัดนิรภัย
ไว้กับที่นั่งในขณะขับขี่ รถยนต์ และต้องจัดให้คนโดยสารรถยนต์
ซึ่งนั่งที่นั่งตอนหน้าแถวเดียวกับ
ที่นั่งผู้ขับขี่รถยนต์รัดร่างกายไว้กับที่นั่งด้วยเข็มขัดนิรภัย |