ความรุนแรงอันตรายของพลุ ประทัด ดอกไม้ไฟ
ย่อมไม่ใช่เรื่องเล็กๆอย่างแน่นอนครับ
จากสถิติก็พบว่าในรอบยี่สิบปี
โรงงานผลิตพลุ-ดอกไม้ไฟระเบิดและไฟไหม้ถึง 18 ครั้ง
เช่น
** เหตุการณ์โรงงานผลิตพลุ-ดอกไม้ไฟ
จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเกิดระเบิดสนั่นหวั่นไหวขณะลำเลียงพลุเตรียมนำส่งให้ลูกค้าในเทศกาลลอยกระทง
ผลก็คือทำให้มีคนตายไปถึง 14 คน
นี่เป็นโรงงานเถื่อนเพราะไม่มีใบอนุญาตใดๆทั้งสิ้น
(การจะตั้งโรงงานผลิตดอกไม้เพลิงนั้นจะต้องได้รับอนุญาตจากหลายหน่วยงาน
ทั้งกรมอุตสาหกรรมทหาร กรมโรงงานอุตสาหกรรม และกระทรวงมหาดไทย) ( 3
ต.ค.46)
** ในขณะที่พ่อค้าขายพลุ กำลังสาธิตวิธีจุดประทัดให้ลูกค้ามือใหม่ดูเป็นขวัญตา
แต่เกิดพลั้งมือ ทำให้ประทัดติดไฟฟู่ๆนั้นตกลงไปยังแผงขาย
ซึ่งวางดอกไม้ไฟและประทัดอยู่เต็มแผง จึงเกิดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง
ผลก็คือเสียชีวิต 1 ราย และทำให้ชาวบ้านผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ต้องบาดเจ็บ
ถึง 84 ราย ( ตลาดมหาชัย จ.สมุทรสาคร 7 พฤศจิกายน 2543)
** โรงงานพลุประทัดดอกไม้ไฟ ซึ่งดัดแปลงบ้านเป็นโรงงาน ระเบิด
ทำให้ เสียชีวิต 6 ราย บาดเจ็บ 7 ราย (ย่านหนอกจอก17
ตุลาคม 2543)
เด็ก(และผู้ใหญ่)ที่เล่น”วัตถุอันตราย”เหล่านนี้
โดยมากจะโดนสะเก็ดระเบิดที่มือและข้อมือ
รองลงไปก็ถึงกับกระดูกนิ้วมือแตกละเอียด
มีหลายรายแพทย์ต้องตัดนิ้วหรือตัดมือทิ้ง
หลายรายก็ถูกสะเก็ดพลุดอกไม้ไฟเข้าที่ตาและรอบๆ
ดวงตา เยื่อตา
และตาดำ ทำให้ตาบอดก็มีไม่น้อย(ตาดำไหม้
ขุ่นมัว
อาจทำให้เลือดออกช่องหน้าม่านตา
ทำให้ตาบอดถาวรได้ )
จึงอยากจะขอแนะแนวทาง ป้องภัยของเล่นมหันตภัยดังกล่าว ดังนี้ครับ
...
1..
เพราะว่าพวกมันล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่จัดว่าเป็นวัตถุระเบิดทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเป็นบั้งไฟ-ประทัด-ดอกไม้ไฟ-พลุ หรือแม้แต่เม็ดมะยม
ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุด ก็คือ ห้ามไม่ให้ลูกๆเล่นอย่างเด็ดขาด
2. นอกจากห้ามเล่นแล้ว ยังต้องไม่ไปเล่น ไปรวมกลุ่ม
หรือไม่แม้แต่เข้าไปอยู่ใกล้คนที่เล่นพลุและดอกไม้ไฟ
จริงๆแล้ว แค่2 ข้อนี้ก็น่าจะเป็นคาถาป้องกันความปลอดภัยให้ลูกได้
แต่ที่น่าเศร้าก็คือ ในโลกแห่งความเป็นจริง
เด็กในหลายๆครอบครัวก็ยังคงเข้าไปในแวดวงกลุ่มคนเล่นพลุอยู่ดี
ถ้าเป็นเช่นนั้นก็อาจจำต้องแนะนำเขาไว้ก่อนเลยว่า
3. ให้ระวังบรรดาพลุ ดอกไม้ไฟ
หรือประทัดที่จุดแล้วด้าน...แล้วจุดใหม่อีกครั้ง เพราะเราพบว่า
การจุดซ้ำอีกมันมักจะระเบิดโป้งได้อย่างคาดไม่ถึง...
4. ผู้ใหญ่หรือวัยรุ่นก่อนจะจุดพลุ ประทัด หรือดอกไม้ไฟ
ควรที่จะมองดูรอบข้างให้ดี
ต้องมั่นใจว่าไม่มีผู้ใดอยู่ในบริเวณนั้น
โปรดช่วยกันเอาใจใส่ความปลอดภัยของผู้อื่นด้วย โดยเฉพาะเด็กๆ...
5. หากในบริเวณนั้น มีลมแรง-อยู่ใกล้สายไฟ -สถานีน้ำมัน
-ถังแก๊ส -ใกล้ หรือแม้แต่ในอาคารบ้านเรือน
อย่าจุดพลุและดอกไม้ไฟอย่างเด็ดขาด
เพราะอาจจะทำให้เกิดระเบิดและไฟไหม้และยากที่จะควบคุมได้
6. เด็กๆหลายคน
พอซื้อพลุหรือดอกไม้ไฟมาได้ก็เก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อหรือกางเกงทันที
ซึ่งเป็นการกระทำที่นำภัยมาสู่ตนเองโดยไม่รู้ตัว
เพราะเพียงมันมีการเสียดสีกันซ้ำๆ ก็อาจจะระเบิดโป้งป้างขึ้นได้
7. เพื่อความไม่ประมาททุกครั้งที่จะเล่นพลุ
จะต้องเตรียมเครื่องดับเพลิง หรือ เตรียมถังใส่น้ำไว้ให้เต็มปริ่มหรือทรายไว้ใกล้ๆ
หากเกิดเพลิงไหม้จะได้สามารถดับทัน
8. ถึงแม้พ่อแม่จะเห็นว่าเด็กโตพอแล้ว จึงอนุญาตให้เขาเล่นพลุ
ดอกไม้ไฟได้ แต่ขอแนะนำว่าควรอยู่ในการดูแลอย่างใกลัชิดของผู้ใหญ่
อย่าลืมว่าเด็กโตเป็นวัยแห่งความคะนอง ชอบเล่นเสี่ยง
จึงมีโอกาพลาดพลั้งได้สูง
9. บางคนเล่นพิเรนโดยจุดประทัดหรือดอกไม้ไฟแล้ววางบนหัว บนฝ่ามือ
หรือร่างกายส่วนต่างๆ บางคน จุดชนวนแล้วบนแก้ว
บนกะละมัง...เจอใครมีพฤติกรรมเช่นนี้ควรต้องห้ามอย่างเด็ดขาด
เพราะจะนำอันตรายมาสู่ตนเองและผู้อื่นด้วย
10. บางคนพอจุดชนวนแล้วก็ชอบยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ
ทำเหมือนจะเป่าเทียนบนชนมเค้ก
แต่หากมันตูมตามขึ้นมา ผลที่ได้มันอาจหมายถึงการเสียโฉม หรือแม้แต่
เสียชีวิต....
11. เท่าที่เคยสังเกตมา บรรดาคนที่เล่นพลุ-ประทัด-ดอกไม้ไฟ
เมื่อเล่น จนหนำใจแล้ว
ก็มักจะทิ้งเศษซากวัตถุระเบิดเหล่านี้จนเกลื่อนกลาด
ทั้งๆที่หลายชิ้นมันยังติดไฟอยู่ ซึ่งเสี่ยงต่อการระเบิดหรือไฟไหม้
เพราะเชื้อไฟมันยังไม่มอดสนิท
12. หลังเล่นแล้ว
จึงต้องแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมด้วยการตรวจสอบสถานที่เล่นให้เรียบร้อย
เก็บเศษดอกไม้ไฟและดับประกายไฟให้หมด
** หากประชาชนพบเห็นเหตุสาธารณภัยต่างๆ
สามารถแจ้งเหตุได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไปครับ......
หรือ โทรศัพท์แจ้งหน่วยกู้ชีพนเรนทร
หมายเลข 1669
ฟรีทุกระบบ ได้ตลอด
24 ชั่วโมง
wwwwwwwwwwwwwwwwwwwwwwwwwwwwwwwwwwwwwwwwwwwwwwwww
|