เรือล่มอีกแล้ว...แต่ถึงยังไงก็ยังต้องอาศัย “เรือ ” ???
บทความโดย ประจวบ ผลิตผลการพิมพ์
เรือล่ม !
กลางอ่าวพัทยา...ดับ 6 บาดเจ็บนับร้อย !! –เหตุบรรทุกเกิน!!!
…ราว 5 โมงเย็นของวันอาทิตย์ที่ 3 พ.ย.56 เรือโดยสาร 2
ชั้นขนาดใหญ่ ออกจากหาดแสม(เกาะล้าน) เพื่อกลับไปยังแหลมบาลีไฮ(ซึ่งเป็นเที่ยวสุดท้ายของวัน)
โดยบรรทุกผู้โดยสารถึงกว่า 200 คน ทั้งที่ปกติบรรทุกได้เพียง 150 คน
เมื่อเรือแล่นผ่านหน้าหาดนวล(ห่างจากฝั่งพัทยาราว
7
กิโลเมตร)
ท้องเรือไปกระแทกเข้ากับโขดหินจนแตกเสียหาย
ในขณะที่ปั้มน้ำภายในเรือก็ชำรุด ทำให้น้ำเข้าเรืออย่างรวดเร็ว
นักท่องเที่ยวที่อยู่ชั้นล่างตื่นตกใจพากันวิ่งขึ้นไปชั้น 2
อย่างโกลาหล จนเรือรับน้ำหนักไว้ไม่ไหว จึงตะแคงแบ้วจมน้ำลงอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่เสื้อชูชีพก็ไม่เพียงพอกับผู้โดยสาร
จึงเกิดโศกนาฏกรรมดังกล่าว...
เหตุร้ายครั้งนี้...คุณพ่อคุณแม่ที่ลูกๆจำต้องอาศัยบริการขนส่งสาธารณะประเภท
“
เรือ”(เรือเมล์)เป็นกิจวัตรคงต้องอดเป็นกังวลห่วงใยไม่ได้แน่
ครับ..เพื่อความปลอดภัยของลูกๆ
และคุณพ่อคุณแม่ก็จะได้คลายความกังวลลงไปได้ไม่มากก็น้อย
จึงอยากจะเสนอข้อแนะนำบางประการ
เมื่อลูกๆหรือบรรดาเด็กนักเรียนทั้งหลายต้องโดยสารทางเรือ
1 )
“กฎเหล็กของการโดยสารทางเรือ ”ก็คือ
ถ้าว่ายน้ำไม่เป็น-ห้ามลงเรือครับ !
การลงเรือทั้งๆที่ว่ายน้ำไม่เป็น แต่หวังว่าหากเรือล่ม
หรือจมน้ำก็แค่ที่จะรอให้ใครมาช่วย นั่นเป็นวิธีคิดที่ไม่ฉลาดเอาซะเลย
เพราะในความโกลาหลนั้น ต่างคนก็ต่างต้องเอาชีวิตตนเองให้รอดก่อน
หรือหากมีใครว่ายเข้ามาช่วยก็ใช่ว่าจะไม่เสี่ยง
เพราะการช่วยคนจมน้ำนั้นจะต้องผ่านการฝึกฝนหรือรู้วิธีที่ถูกต้อง
ขืนบุ่มบ่ามโดยไม่มั่นใจก็อาจพากันกอดคอจมน้ำตายทั้งคู่
หรือแม้แต่จะรอให้หน่วยงานผู้ชำนาญมาช่วย ก็ไม่แน่ว่าจะทันเวลา
ในขณะที่การขาดอากาศหายใจนั้นหากเกินกว่า
4
นาทีแล้ว ก็ถือว่าวิกฤตหนักเลยทีเดียว
2 ) ข้อพึงปฎิบัตืเมื่อขึ้นมาถึงบนเรือแล้ว
ก็คือ ให้นั่งประจำที่ให้เรียบร้อย
เพราะเรือโดยสารมิใช่สถานที่ท่องเที่ยว จึงไม่ควรนั่งห้อยขาหรือ
ยืนโต้ลมที่หัวเรือหรือท้ายเรือ ไม่นั่งที่กราบเรือ และ
ห้ามขึ้นไปนั่งบนหลังคาเรือ (ซึ่งมักพบเห็นเสมอ ในยามไปทัศนาจรทางเรือ)
3 )
เนื่องจากไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้นเมื่อไหร่
การอยู่บนเรือจึงจะต้องเตรียมทั้งร่างกายและจิตใจให้พร้อมทุกขณะ โดยเฉพาะต้องเตรียมสละอะไรก็ตามที่จะเป็นอุปสรรคต่อการเอาชีวิตรอดในยามที่เกิดเรือล่ม-จมน้ำ(
เอาชีวิตให้รอดก่อน
ไม่ต้องเสียดายของนอกกายใดๆทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น กระเป๋านักเรียน,
กระเป๋าเดินทาง, รองเท้า,
เข็มขัด,ถุงเท้า หรือแม้แต่
กระเป๋าเงิน ...ฯลฯ...)
ดังนั้นการเดินทางทางเรือ
ถ้าไม่จำเป็นจริงๆจึงไม่ควรหอบข้าวของให้หนักหน่วงพะรุงพะรัง
4 )
หากมีแผนจะพาครอบครัวไปเที่ยวทางเรือ ก็ควร
“วางแผน”กันไว้ล่วงหน้า นั่นก็คือ
ฟังคำพยากรณ์อากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา (ฟังได้จากทางวิทยุ
และที.วี.) หากได้แจ้งว่ามีคลื่นลมแรง
มีพายุก่อตัว-เตือนว่าเรือยังไม่ควรออกจากฝั่ง ฯลฯ...ซึ่งนั่นก็หมายถึง
ช่วงเวลานั้นจะต้องงดเดินทางโดยทางเรือครับ
5 )
หากเรือที่กำลังแล่นอยู่นั้นเกิดอาการโคลงเคลง
เพราะโดนคลื่นซัด หรือน้ำพลิ้วจากเรือคันอื่น
ก็อย่าตกใจมากนัก ตั้งสติครับและจับพนักที่นั่ง
หรือจับราวไว้ให้มั่น แล้วนั่งนิ่งๆเพื่อกันการลื่นล้ม
หรือไหลเอียงไปรวมกันในด้านใดด้านหนึ่งของเรือ
จนเรือขาดความสมดุลและเสียการทรงตัว
อุบัติเหตุเรือล่มในหลายกรณีเกิดจาก
ผู้โดยสารเฮโลสาระพามาทางด้านใดด้านหนึ่ง
( โดยมากเทมาทางกราบเรือ)
จะด้วยเพราะเกิดเหตุลมกรรโชกแรง-คลื่นซัด-ร้อนแดด- หรือเปียกฝน
หรืออะไรก็ตาม แต่ผลก็คือ
ทำให้เรือเสียสมดุล และเอียงกะเท่เร่ แล้วก็มีสิทธิจมลงได้ในที่สุด
6 ) หากเรือล่ม
จงตั้งสติไว้ให้มั่น อย่าตกใจจนเกินไป
พยายามว่ายน้ำให้ห่างจากเรือ เพื่อป้องกันเรือพลิกคว่ำแล้วมาครอบเราไว้ รวมทั้งให้ระวังใบจักรเรือที่ยังทำงาน(หมุนติ้วๆ)
โดยว่ายน้ำไปให้ห่างๆเข้าไว้ และห้ามคว้าหรือจับกราบเรือ เพราะอาจโดนน้ำดูดเข้าไปใต้ท้องเรือและได้รับอันตรายจากใบจักรเรือ
ความตกใจกลัวจนเกินไป ทำให้หลายๆคนว่ายน้ำกันอย่างสุดชีวิต
แล้วผลที่ตามมาก็คือ เหนื่อยจนหายใจไม่ทัน และหมดแรงในที่สุด
ยิ่งหากฝั่งยังอยู่อีกไกลโขก็ยิ่งอยู่ในภาวะอันตราย
ดังนั้น เมื่อว่ายน้ำห่างออกจากบริเวณที่เกิดเหตุแล้ว
ก็ให้ใช้เพียงการพยุงตัว
หรือลอยน้ำไว้ก่อนจะได้ไม่เหนื่อยมาก
มองดูวัสดุที่ลอยน้ำได้ และพอหาได้ในเวลานั้น
หรืออาจมีคนบนฝั่งช่วยโยนลงมาให้
ก็ใช้ประคับประคองเพื่อให้ตัวได้ลอยตามกระแสน้ำค่อยๆพัดพาไปเข้าสู่ฝั่ง
ไม่ต้องว่ายน้ำอย่างหักโหม แต่ให้ประคองตัวไว้ เพื่อรอคนมาช่วย หรือประคองไว้พอหายเหนื่อยจึงค่อยๆว่ายกลับเข้าฝั่งอย่างปลอดภัย |